PreCODE – Prevention of COgnitive DEcline
โปรแกรมตรวจคัดกรองและป้องกันสมองเสื่อม
โปรแกรม PreCODE คือโปรแกรมอะไร?
PreCODE คือโปรแกรมตรวจคัดกรองและป้องกันภาวะสมองเสื่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ การตรวจคัดกรองประกอบด้วยการตรวจทางพันธุกรรม และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ในการเกิดภาวะสมองเสื่อม เช่น การอักเสบ เบาหวาน พิษโลหะหนัก ฯลฯ
การป้องกันประกอบด้วยการใช้วิธีที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าช่วยป้องกันหรือชะลอไม่ให้เกิดภาวะสมองเสื่อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโภชนาการ การออกกำลังกาย โปรแกรมฝึกสมอง อาหารเสริม และการรักษาตามแนวทางการแพทย์บูรณาการ
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์
- ผู้สูงอายุที่มีอายุเกินกว่า 65 ปี แต่อย่างไรก็ตามอัลไซเมอร์สามารถเกิดได้ตั้งแต่อายุประมาณ 40 ปี
- ผู้ที่ปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรม เช่น มียีน ApoE4 อาจมีความเสี่ยงในการเกิดอัลไซเมอร์สูงกว่าคนปกติถึง 8-10 เท่า
- ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นอัลไซเมอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นตอนอายุยังน้อย
- ผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุทางศีรษะและสมอง
- ผู้ที่โรคหลอดเลือดหัวใจหรือโรคหลอดเลือดสมอง
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน มีโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในหลอดเลือด
- ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือดิ่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ผู้ที่มีโรคซึมเศร้าที่ไม่ได้รับการดูแลรักษา
- ผู้ที่มีภาวะโดดเดี่ยวทางสังคม (social isolation)
- ผู้ที่มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง ขาดการขยับร่างกาย (sedentary lifestyle)
ระยะของภาวะสมองเสื่อม
ระยะต้น (Subjective Cognitive Decline: SCD) คนไข้รับรู้ว่ามีการเสื่อมถอยของสมอง ลืมสิ่งของ ลืมที่จอดรถ ลืมวันนัด อาจกระทบการใช้ชีวิตการทำงานในบางครั้ง การตรวจทางประสาทจิตวิทยาไม่พบความผิดปกติ คนไข้ในระยะนี้อาจกลายเป็นอัลไซเมอร์ได้ โดยอาจกินเวลานานเป็นสิบปี ในะระยะนี้คนไข้ควรได้รับการตรวจหาปัจจัยเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมและตรวจติดตามการทำงานของสมองอย่างต่อเนื่อง
ระยะกลาง (Mild Cognitive Impairment: MCI) อาการทางสมองชัดเจนขึ้นจนคนใกล้ชิดสังเกตได้ กระทบการใช้ชีวิตการทำงานมากขึ้น แต่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเอง ทำกิจวัตรประจำวันต่างได้ปกติ การตรวจทางประสาทจิตวิทยาพบความผิดปกติ คนไข้ในกลุ่มนี้อาจมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมมากกว่าคนปกติถึง 5 เท่า ในระยะนี้คนไข้ควรได้รับการตรวจหาปัจจัยเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมและตรวจติดตามการทำงานของสมองอย่างต่อเนื่อง ป้องกันและรักษาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความดัน เบาหวาน ไขมัน ฯลฯ ที่เพิ่มความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม
ระยะรุนแรง (Dementia) มีความเสื่อมของสมองมากขึ้นจนกระทบการช่วยเหลือตัวเองและการทำกิจวัตรประจำวัน ในระยะนี้ควรมีการดูแลใกล้ชิดจากทีมแพทย์ และญาติผู้ดูแล โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้คนไข้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวัน และช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด
ความสำคัญในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์
อัลไซเมอร์เป็นโรคที่ไม่มียารักษาให้หายขาด แม้จะมีการศึกษาและงานวิจัยมากมายเป็นเวลามากกว่า 30 ปีเพื่อหายารักษาแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ และด้วยความที่โลกของเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 อาจมีผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้น 2-3 เท่าทั่วโลก โรคอัลไซเมอร์ไม่ได้เพียงส่งผลกระทบต่อตัวผู้ป่วย ที่ทำให้ความจำ ความสามารถในช่วยเหลือตัวเอง ทำกิจวัตรประจำวันได้ลดลง จนกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด แต่ยังกระทบครอบครัว ผู้ดูแล และสังคมเป็นวงกว้าง
การป้องกันตั้งแต่ยังไม่มีอาการ หรือระยะต้นๆ ที่อาการไม่รุนแรง จะช่วยคงประสิทธิภาพการทำงานของสมอง และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ ที่เมื่อเป็นแล้วการรักษานั้นทำได้ยากและให้ประสิทธิผลที่ไม่ดีนัก
องค์ประกอบหลักของโปรแกรม
- การประเมินความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์
ได้แก่ การประเมินทางประสาทจิตวิทยา การตรวจเลือดหาค่าอักเสบ ค่าน้ำตาล สารพิษ การทำงานของตับไต รวมไปจนถึงการตรวจทางพันธุกรรมหรือยีนที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ - โปรแกรมป้องกันอัลไซเมอร์ ซึ่งประกอบไปด้วย
- การปรึกษาและให้คำแนะนำด้านโภชนาการโดยกำหนดอาหาร ให้ผู้เข้าร่วมโปรแกรมมีความรู้ และสามารถเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสมอง สุขภาพโดยรวม และมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อมได้
- โปรแกรมออกกำลังกายเฉพาะบุคคล ที่มีการดูแลโดยเทรนเนอร์ผู้มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม ใช้นวัตกรรมการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพ เช่น การฝึกแบบ “จำกัดการไหลเวียนเลือด” (Blood Flow Restriction Training)
- Brain Exercise หรือการออกกำลังสมอง ผ่านโปรแกรมฝึกสมอง ที่มีงานวิจัยตีพิมพ์เกินกว่า 100 ฉบับ ว่าช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง และป้องกันภาวะสมองเสื่อม โดยใช้เวลาฝึกเพียงเล็กน้อยเพียงวันละ 10-20 นาที เช่นเดียวกับสุขภาพกาย สุขภาพหัวใจที่ต้องการการออกกำลังกาย สมองของเราก็เช่นกัน
- อาหารเสริม AHG Brain+ formula ที่ประกอบไปด้วย Alpha-lipoic Acid, Citicoline, Resveratrol, Coenzyme Q10 และ methylcobalamin ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงระบบประสาทและสมอง
- การดูแลร่วมโดยใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ เช่น การใช้ EECP หรือ HBOT ที่ช่วยในการสร้างหลอดเลือด และเพิ่มออกซิเจนเข้าไปในร่างกายเพื่อรักษาและฟื้นฟูสมอง
ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากโปรแกรม
- ความสามารถในการรู้คิด (Cognitive function) ดีขึ้น ผ่านการประเมินโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Cognitive quotient) ซึ่งวัดความสามารถหลักๆใน 3 ด้านคือ ความจำ (memory) ทักษะการวางแผนตัดสินใจ (executive function) และความเร็วในการประมวลผล (processing speed) ซึ่งจะส่งให้ประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น รักษาความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
- ปัจจัยเสี่ยงของสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ได้รับการดูแลและแก้ไขจากทีมแพทย์และสหวิชาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น น้ำตาลในเลือดดีขึ้น ค่าการอักเสบลดลง กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ความสามารถในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ฯลฯ
ป้องกันภาวะสมองเสื่อมด้วยตัวเอง
1.ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาล อาหารแปรรูป ทานผักผลไม้ให้ได้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ และการออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความดันโลหิต น้ำตาลและไขมันในเลือด
2. ฝึกจิตใจให้กระฉับกระเฉง และเข้าสังคมอย่างสม่ำเสมอ
- อ่านหนังสือ
- เรียนภาษาต่างประเทศ
- เล่นดนตรี
- ทำงานอาสาสมัครชุมชน
- เล่นกีฬากันเป็นกลุ่ม
- ทำกิจกรรม หรืองานอดิเรกใหม่ๆ
- พบปะเพื่อนฝูง ครอบครัว
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมได้ที่ LINE สวนสุขภาพอรุณสหคลินิก
สวนสุขภาพอรุณสหคลินิก ยินดีให้คำปรึกษาและพร้อมแนะนำโปรแกรมที่เหมาะสมให้แก่คุณ
สวนสุขภาพอรุณสหคลินิก เวชศาสตร์ฟื้นฟูผสมผสาน | Rehabilitation & Wellness Center | Center for Brain
Line Official : @arunhealthgarden (มีเครื่องหมาย @) (https://lin.ee/kVkb3zA)
instagram : arunhealthgarden
Tel : 02-717-4441 หรือ 094-812-7722