fbpx

ปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจ - Arun Health Garden

 

ปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจ

ตามที่เคยได้เล่าสู่กันฟังก่อนหน้านี้ว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้นเป็นโรคเดียวกันซึ่งก็  คือ ภาวะที่กล้ามเนื้อของหัวใจมีเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอต่อความต้องการจากการที่หลอดเลือดซึ่งนำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจนั้นตีบแคบลง  สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดหลอดเลือดตีบนี้ยังไม่รู้แน่ชัด  แต่รอยตีบแคบที่เกิดนั้นจะเกิดจากการพอกทับถมของคราบหินปูนและไขมันภายในหลอดเลือด คล้ายๆ กับท่อน้ำที่มีคราบสนิมเกาะอยู่ภายใน ถ้าสนิมพอกหนาขึ้นจนทำให้ท่อตีบลงก็จะทำให้น้ำไหลผ่านท่อนั้นได้ไม่สะดวก

ถึงแม้เราจะไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการที่หลอดเลือดตีบ แต่ก็พอทราบว่ามีปัจจัยบางประเภทที่ทำให้ผู้ที่มีปัจจัยเหล่านั้นมีโอกาสเสี่ยงที่หลอดเลือดจะตีบแคบลงได้มากกว่าคนอื่นๆ

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ว่านี้ คือ

  • ภาวะความดันโลหิตสูง

  • โรคเบาหวาน

  • ภาวะไขมัน หรือคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

  • บุหรี่

  • โรคอ้วน

  • ภาวะขาดการออกกำลัง

  • ผู้ที่มีประวัติในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

  • เพศชาย  (หรือเพศหญิง หลังวัยหมดประจำเดือน)

  • อายุ

 

ปัจจัยเสี่ยงสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ

  •  ปัจจัยเสี่ยง 6 ข้อแรก  เป็นประเภทที่เราสามารถควบคุมหรือแก้ไขได้  

  •  ส่วน 3  ปัจจัยหลัง  คือ  เรื่องของอายุ  เพศ และประวัติครอบครัว

 

คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคนี้แล้วอาจได้รับการรักษาอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ

  1. รักษาโดยยา

  2. รักษาโดยการผ่าตัดทำทางเบี่ยงของหลอดเลือด (ผ่าตัด  Bypass) 

  3. การขยายหลอดเลือด หรือทำบอลลูนร่วมกับใส่ขดลวดหรือ  Stent 

 

การรักษาไม่ว่าจะเป็นวิธีใดใน 3 วิธี  ที่แพทย์จะเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละคนนั้นจะไม่ได้ผลดีเลย  ถ้าผู้ที่เป็นโรคไม่ได้ควบคุมหรือหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่กล่าวข้างต้นด้วยการรักษาที่แพทย์จะให้นั้นจะทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นส่วนหนึ่ง  แต่อีกส่วนหนึ่งนั้นผู้ป่วยต้องช่วยด้วยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ  โดยเฉพาะการออกกำลัง  ควบคุมน้ำหนัก  และควบคุมระดับไขมันในเลือดให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ และการระวังเรื่องอาหารที่รับประทานประจำพร้อมทั้งหลีกเลี่ยงบุหรี่

 

 

ถึงแม้ในปัจจุบันนี้  เทคนิคการขยายหลอดเลือดใส่ขดลวดจะก้าวหน้าไปมาก โดยนำยาบางประเภทไปเคลือบไว้บนขดลวด (stent) และยาที่เคลือบไว้ก็สามารถป้องกันการตีบแคบซ้ำกลับมาใหม่ของหลอดเลือดบริเวณที่ได้รับการขยาย (ส่วนอื่นๆ ไม่เกี่ยว) ได้เกือบ 100%   แต่ในผู้ป่วยที่ยังสูบบุหรี่หรือในรายที่เป็นเบาหวานแต่ควบคุมได้ไม่ดี  โอกาสตีบซ้ำของหลอดเลือดบริเวณที่ได้รับการใส่ขดลวดยังมีอยู่ประมาณร้อยละ 1 – 2

 

ผมมีเพื่อนสนิทร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งซึ่งสูบบุหรี่จัดมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแพทย์  แต่ผมเป็นคนที่เกลียดกลิ่นบุหรี่และแพ้ควันบุหรี่อย่างมากก็พยายามทุกวิถีทางให้เพื่อนคนนี้เลิกสูบบุหรี่ให้ได้แต่ไม่สำเร็จจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ 

 

………ขณะที่กำลังนั่งตรวจผู้ป่วยอยู่ เพื่อนรักของผมเกิดมีอาการแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง เหมือนมีก้อนอิฐโตๆ ทับอยู่บนหน้าอก  เป็นมากจนขนาดต้องขออนุญาตผู้ป่วย (ที่ไม่ป่วยแต่กำลังถูกหมอที่ป่วยตรวจ) ไปนอนพักทั้งๆ ที่ยังตรวจไม่เสร็จ  แต่เมื่อตื่นขึ้นมาอาการแน่นก็ยังไม่หาย จึงรีบไปตรวจคลื่นหัวใจ ซึ่งพบว่า เขามีกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการที่หลอดเลือดที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจนั้น มีการอุดตันอย่างกระทันหันจากลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในหลอดเลือด

 

แต่เพื่อนผมคนนี้ยังค่อนข้างโชคดี (คือ ทำบุญมายังไม่มากพอที่จะตายไปได้อย่างสบายๆ  ขณะที่นอนหลับรอดชีวิตมาได้ด้วยยาขยายหลอดเลือดและตามด้วยการขยายหลอดเลือดหรือทำบอลลูนต่อมา

 

หลังจากนั้นเขาหยุดบุหรี่ที่เคยสูบวันละเกือบ 2 ซองอย่างเด็ดขาด และจากการที่เป็นคนไม่เคยออกกำลังกายใดทั้งๆ สิ้น  เดี๋ยวนี้เดินออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันๆ ละ 30 – 40 นาที  แต่ที่น่าเสียดายคือ  กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนได้ตายไปแล้ว   ขณะนี้หัวใจทำงานเพียงประมาณ 40% ของที่ควรจะเป็นเท่านั้น  จึงไม่แน่ใจว่าที่เพื่อนรักของผมหยุดสูบบุหรี่เพราะไม่มีแรงสูดควันบุหรี่หรือกลัวตายกันแน่…..

 

 

ใครยังไม่อยากหัวใจวายตั้งแต่อายุ 40 ปีต้นๆ

ก็สมควรเลิกสูบบุหรี่แล้วหาเวลาออกกำลังดีกว่าครับ

 

 


สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมได้ที่ LINE สวนสุขภาพอรุณสหคลินิก

เพิ่มเพื่อน

 


 

สวนสุขภาพอรุณสหคลินิก ยินดีให้คำปรึกษาและพร้อมแนะนำโปรแกรมที่เหมาะสมให้แก่คุณ

สวนสุขภาพอรุณสหคลินิก เวชศาสตร์ฟื้นฟูผสมผสาน | Rehabilitation & Wellness Center | Center for Brain

Line Official : @arunhealthgarden (มีเครื่องหมาย @) (https://lin.ee/kVkb3zA)

facebook.com/arunhealthgarden

instagram : arunhealthgarden

Tel : 02-717-4441 หรือ 094-812-7722

หมวดหมู่

คลังเก็บ