“น้ำ” สิ่งสำคัญในชีวิต และดื่มอย่างไรสุขภาพจึงจะดี?
น้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย แทบไม่มีใครเชื่อถ้าจะบอกว่าร่างกายคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบมากกว่าครึ่ง
แล้วน้ำในตัวเราไปซ่อนอยู่ที่ไหนบ้าง อะไรที่เราไม่เห็น ไม่ได้สัมผัส ไม่รู้ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีน้ำอยู่ สำหรับส่วนของร่างกายที่เห็นได้ชัดๆ ว่าเป็นน้ำ ได้แก่ เลือด น้ำปัสสาวะ (ตอนอยู่ในตัวเรา มันก็เป็นส่วนของร่างกายเรา) น้ำลาย น้ำตา หรือเหงื่อ ส่วนน้ำในร่างกายที่มีอยู่แต่เรามองไม่เห็น เช่น น้ำย่อย น้ำเหลือง แต่รวมทั้งหมดนี้ก็ยังไม่น่าเชื่อได้ว่า ร่างกายเราประกอบไปด้วยน้ำมากกว่าครึ่งหนึ่งใช่ไหมครับ
ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นสมอง หัวใจ ไต ปอด ผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ กระเพาะหรือลำไส้ ทั้งตัวคนเราประกอบไปด้วยหน่วยมีชีวิตเล็กๆ ที่เรียกว่า “เซลล์” อวัยวะแต่ละชนิดจะประกอบด้วยเซลล์ที่ถูกออกแบบให้ทำหน้าที่ที่พิเศษแตกต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ของอวัยวะใดๆ ก็จะมีส่วนประกอบหลักๆ ที่เหมือนกัน คือ ยีน รหัสพันธุกรรมอยู่ในแกนกลางที่เรียกว่า นิวเคลียส และ พลาสมา ที่เป็นส่วนที่เป็นน้ำ มีส่วนประกอบต่างๆของเซลล์ที่ทำหน้าที่ต่างๆกันไปล่องลอยอยู่
ตัวเซลล์เป็นส่วนของร่างกายที่มีน้ำแทรกอยู่ทั่วไป แต่เรามองไม่เห็นเพราะในเซลล์นั้นเป็นน้ำไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเซลล์ของอวัยวะใด ดังนั้น การที่เราจะมีสุขภาพดีสมบูณ์ได้ดังนั้น เราจึงต้องการน้ำเป็นประจำสม่ำเสมอ และสิ่งมีชีวิตไม่สามารถดำรงอยู่ได้ถ้าขาดน้ำ
ในคนทั่วไปที่ไม่ได้ออกกำลังกาย หรืออยู่ในที่อากาศร้อนที่ทำให้เสียเหงื่อมากกว่าปกติ ควรต้องดื่มน้ำประมาณวันละ 10-12 แก้ว หลายคนมักจะดื่มน้ำเมื่อรู้สึกกระหายเท่านั้น แท้ที่จริงความรู้สึกกระหายนั้น เป็นความรู้สึกที่เตือนร่างกายว่า ร่างกายเรา “แห้ง” คือ ขาดน้ำเสียแล้วปกติเมื่อเรารู้สึกกระหายน้ำ ร่างกายจะขาดน้ำไปประมาณร้อยละ 1-2 ยกตัวอย่างเช่น คนน้ำหนัก 60 กิโลกรัม หรือ 6,000 กรัมถ้าขาดน้ำร้อยละ 2 ก็หมายความว่า ขาดน้ำไปประมาณ 100-120 ซี.ซี. คือเกือบ 1 แก้ว ถ้าคนเราขาดน้ำมากกว่าร้อยละ 2 ของน้ำหนักตัวจะทำให้ปริมาตรเลือดในร่างกายลดลง เลือดข้นมากขึ้นถ้าออกกำลังกายหรือออกแรงชีพจรจะเต้นเร็วขึ้นและร่างกายจะระบายความร้อนออกจากตัวได้ไม่ดี ทำให้การออกกำลังกายหรือออกแรงจะทำได้น้อยลง ถ้าขาดน้ำมากขึ้นบางคนจะรู้สึกเพลีย อ่อนแรง หรือง่วงนอน
ผู้สูงอายุหลายคนมักจะดื่มน้ำไม่เพียงพอ เพราะขี้เกียจเข้าห้องน้ำ หรือบางครั้งไม่สามารถไปหยิบหาน้ำดื่มได้เองทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งการขาดน้ำหรือ “แห้ง”ในผู้สูงอายุนี้ เสี่ยงต่อการเกิดอัมพาตและกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันได้
บางคนพยายามดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ลวัน ดั้วยการดื่มน้ำทีละมากๆเพียงหนหรือสองหน ใน 1 วันก็ไม่สามารถทำให้ร่างกายไม่ขาดน้ำระหว่างวันได้
การดื่มน้ำครั้งละมากๆ เพียง1-2 ครั้งนั้น เปรียบเหมือนเวลาเรารดน้ำลงไปในกระถางต้นไม้ที่ดินแห้งมากๆ ดินก็ไม่สามารถอุ้มน้ำที่มาครั้งละมากๆ นั้นไว้ได้ ถ้าจะทำให้ดินนั้นกลับมาชุ่มชื้นใหม่ก็ต้องให้น้ำไปเรื่อยๆ สม่ำเสมอกันไป
คนที่จะมีโอกาสขาดน้ำได้อีกก็คือ นักกีฬา ที่ออกกำลังกายหนักและนานเนื่องจากเสียเหงื่อมากกว่าคนในภาวะปกติ เมื่อก่อนนี้เราบอกว่าไม่ควรดื่มน้ำก่อนออกกำลังกายเพราะจะทำให้รู้สึกจุกแน่นแล้วออกกำลังกายได้ไม่ดี แต่ในปัจจุบันนี้กลับแนะนำให้ทุกคนดื่มน้ำอย่างน้อย 1-2 แก้ว ก่อนออกกำลังกายครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง และอีกทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ถ้ายังออกกำลังกายอยู่อย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายเวลาร่างการขาดน้ำเพราะจะอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราออกกำลังกายขณะที่ร่างกายขาดน้ำมากกว่าร้อยละ 2 ของน้ำหนักตัว
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายขาดน้ำ?
มีหลักการง่ายๆ ที่จะรู้ได้ว่าเราขาดน้ำหรือร่างกายเราแห้งเกินไปหรือเปล่าก่อนออกกำลังกายมีข้อแนะนำโดยให้ถามตัวเองก่อนว่า
- กระหายน้ำไหม
- ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มหรือไม่
- น้ำหนักลดลงจากเช้าวันเดียวกันมากกว่าครึ่งกิโลกรัมหรือไม่
ถ้ามีคำตอบว่า “ใช่” ในข้อใดข้อหนึ่งก็แสดงว่า ร่างกายเราขาดน้ำแล้ว ควรจะหาอะไรดื่มก่อนแล้วรอ 30-60 นาทีก่อนเริ่มออกกำลังกาย
คำแนะนำในการดื่มน้ำ สำหรับคนออกกำลังกาย
ในคนที่ออกกำลังกายหนักและนาน ต้องมีการดื่มน้ำทดแทนด้วย หรือในบางคนที่มีเหงื่อออกมากขณะออกกำลังกาย โดยทั่วไปคนที่ออกกำลังกายมากจะเสียเหงื่อประมาณ 500-1,500 ซี.ซี.ทุกๆ 1 ชั่วโมง ดังนั้นในคนที่เหงื่ออออกมากหรือออกกำลังกายหนัก จึงควรดื่มน้ำทดแทนเหงื่อที่เสียไปประมาณ 150-250 ซี.ซี. ทุก 20-30 นาทีที่ออกกำลังกาย ทุกครั้งหลังออกกำลังกาย น้ำหนักไม่ควรลดลงไปมากกว่าครึ่งกิโลกรัมในคนที่น้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม (ที่สำคัญก็คือ น้ำหนักที่หายไปนั้นไม่ใช่ไขมันหายไปนะครับ แต่เป็นปรมาณน้ำที่เสียไประหว่างออกกำลังกาย) ดังนั้น ถ้าน้ำหนักหายไปครึ่งกิโลกรัมหลังออกกำลังกายก็ควรจะดื่มน้ำทดแทนอย่างน้อย 1-2 แก้วหลังออกกำลังกาย
ถ้าใครอยากออกกำลังกายและไม่อยากให้เกิดผลเสีย อย่างน้อยก็เกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด คุณหมอแนะนำว่าควรทำความเข้าใจเรื่องของการดื่มน้ำชดเชยด้วย น้ำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำเกลือแร่ แต่ถ้าเป็นน้ำเกลือแร่ต้องเป็นชนิดที่ไม่ให้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปนัก เพราะขณะออกกำลังกาย ร่างกายสามารถย่อยและใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตภายนอก (จากการกินขณะนั้น) ได้ไม่มากนัก ที่สำคัญ อย่าไปหลงดีใจกับน้ำหนักที่ลดมากๆ ทันทีหลังออกกำลังกาย เพราะน้ำหนักที่หายไปนั้น คือ น้ำไม่ใช่ไขมัน
ทั้งนี้…การที่เราทำอะไรก็ตาม ถ้าทำด้วยความพอดีไม่เกินตัว ก็จะเกิดความสมดุลในชีวิตโดยที่ไม่ต้องหักโหมนะครับ
สวนสุขภาพอรุณสหคลินิก ยินดีให้คำปรึกษาและพร้อมแนะนำโปรแกรมที่เหมาะสมให้แก่คุณ
LINE Official : @arunhealthgarden https://lin.ee/kVkb3zA
โทร : 02-717-4441 หรือ 094-812-7722
Facebook : Facebook.com/arunhealthgarden
Instagram : https://www.instagram.com/arunhealthgarden/
Youtube : https://www.youtube.com/c/ArunHealthGardenClinic
เปิดบริการวันอังคาร – อาทิตย์
เวลา 09:00 – 18:00
ที่อยู่ : 54/1 ซอยธารารมณ์4 ถนนรามคำแหง9 แขวงพลับพลาเขตวังทองหลางกรุงเทพฯ 10310