พญ. ปิยะนุช รักพาณิชย์
ปวดเข่าอาจจะไม่ได้เกิดจากข้อเข่าเสื่อมเสมอไป
อาการปวดเข่านั้นเกิดได้บ่อยเช่นกัน เพราะเข่าเป็นอวัยวะที่กระดูกสองชิ้นมาต่อกัน โดยมีเพียงหมอนรองกระดูกกั้นอยู่ตรงกลางเท่านั้น ไม่เหมือนข้อต่ออื่นๆที่อย่างน้อยยังมีลักษณะของการห่อหุ้มระหว่างกระดูกสองชิ้น เพราะฉะนั้นเข่าจึงไม่ค่อยมีความมั่นคงทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้ง่าย ต้องอาศัยการทำงานของเอ็นและกล้ามเนื้อเป็นหลัก
เมื่อวัยสูงขึ้น การเสื่อมไปตามวัยของอวัยวะต่างๆเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เข่าก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่มักจะมีอาการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นตามวัย เรียกว่าเป็นโรคท๊อปฮิตของความเสื่อมก็ว่าได้ เชื่อว่าทุกคนคงได้ยินคำว่าข้อเข่าเสื่อมมาก่อน ส่วนใหญ่แล้วพออาการปวดเข่าเกิดขึ้นกับวัยกลางคน ที่มักจะเข้าใจกันก็คือ สงสัยเข่าจะเสื่อมเสียแล้ว ซึ่งก็อาจจะถูก (หรือผิด) ก็ได้
ที่หมอเจอประจำคือ คนไข้ที่มีอาการปวดเข่าโดยที่คิดว่าตัวเองเป็นเข่าเสื่อมทั้งๆที่ไม่ได้เป็น คือมักเกิดการบาดเจ็บจากอวัยวะรอบข้อเข่ามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ เอ็นรอบข้อเข่า หรือหมอนรองกระดูกข้อเข่า
วิธีดูแลรักษาเข่าที่ได้ผลและทุกคนสามารถทำเองได้ง่ายๆก็คือ
อย่าให้น้ำหนักเกิน เพราะเข่าต้องแบกรับน้ำหนักแทบทั้งตัวเอาไว้ โดยเฉพาะเวลาเดินหรือวิ่งซึ่งจะมีช่วงที่เรายืนอยู่บนขาเดียว ทำให้เข่าแต่ละข้างต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า บ่อยๆเข้าก็ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือเสื่อมได้เร็วขึ้น
เสริมสร้างให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าแข็งแรง ด้วยการออกกำลังทำกายบริหารในชีวิตประจำวัน เพื่อให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าแข็งแรงขึ้น ท่าที่ทำง่ายๆคือการออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า โดยการนั่งเก้าอี้ หลังพิงที่พนักพิง เข่างอประมาณ 90 องศา ค่อยๆเหยียดเข่าขวาขึ้นให้ตรง ยกค้างไว้ นับ 1-10 แล้วเอาลง เปลี่ยนมาทำขาซ้าย เริ่มข้างละ 10 ทีค่อยๆเพิ่มจนได้ 30 ที
ออกกำลังด้วยท่ายืดเหยียดเพื่อทำให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่ามีความยืดหยุ่น รอบข้อเข่าจะประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณต้นขาด้านหน้าด้านนอกและด้านหลังข้อเข่าที่ยึดเกาะสองข้อคือระหว่างข้อสะโพกหรือกระดูกเชิงกรานกับข้อเข่า เช่น กล้ามเนื้อ Quadriceps,Hamstrings และ Tensor Fascia Latae และระหว่างข้อเข่ากับข้อเท้า ได้แก่กล้ามเนื้อ Gastro Soleus กล้ามเนื้อที่ยึดเกาะสองข้อนี้สำคัญมาก ถ้าไม่ยืดเหยียดก็จะเกิดการยึด ลองนึกถึงภาพคนที่นอนงอก่องอขิง เพราะกล้ามเนื้อยึด ซึ่งจะมีผลทำให้การทำงานของข้อเข่าอยู่ในสภาพไม่สมดุลตามที่ควรจะเป็น
หลีกเลี่ยงท่วงท่าที่มีผลเสียต่อเข่า เป็นต้นว่า ท่าที่ต้องงอเข่ามากๆ การนั่งพับเพียบ นั่งยองๆ การยกของที่หนักเกินไปขณะที่งอเข่า การบิดเข่าเร็วๆ เช่น ท่าเต้นแอโรบิกโดยไม่ระวัง หรือเดินเร็วๆแล้วหมุนตัวทันทีจะเกิดแรงกระทำต่อเข่าที่ทำให้บาดเจ็บได้ง่าย
คนไข้คนหนึ่งอายุ หกสิบกว่า มาหาหมอด้วยเรื่องปวดเข่า เข่าบวม เข่าอักเสบ รักษามานานและรักษาหลายที่แล้ว คุณหมอท่านก่อนๆบอกว่าเป็นเข่าเสื่อม ซึ่งก็มีความเสื่อมจริงๆและรักษาโดยการให้ยาลดการอักเสบ ยาบำรุงกระดูกอ่อนข้อเข่า ทำกายภาพบำบัดโดยใช้ความร้อนระดับลึกช่วย ทำมาเป็นปีๆแล้วคนไข้แค่ดีขึ้นแต่ไม่เคยหายขาด คนไข้คนนี้ถูกส่งมาหาหมอเพราะคนไข้บ่นไอ้ที่ปวดน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ขาไม่มีแรง โดยเฉพาะเวลางอเข่าขึ้นบันไดหรือจะลงจากรถ ช่วงที่งอเข่าจะยืนทรงตัวมักเกิดอาการเข่าอ่อนไม่มีแรง หวิดจะหกล้มอยู่บ่อยๆ
หมอเอ็กซเรย์ดูก็พบว่ามีการเสื่อมจริงๆแต่ไม่มากนัก เป็นความเสื่อมตามอายุมากกว่า แต่สิ่งที่ทำให้คนไข้มีปัญหาคือเอ็นและกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอักเสบ เมื่อเอ็นอักเสบเรื้อรังก็ส่งผลให้กล้ามเนื้อที่คลุมรอบข้อเข่าลีบไปด้วย สังเกตขนาดของขาสองข้างจะเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนี้การรักษาด้วยวิธีกินยา ทำการฟื้นฟูและกายภาพบำบัด ด้วยการใช้ความร้อนหรืออัลตราซาว์นลดการอักเสบก็ไม่มีวันทำให้หาย เพราะไม่ได้รักษาที่ต้นตอ ตอนแรกที่คุณหมอให้ยามานั้นคนไข้อาจมีเข่าเสื่อมจริงแต่ก็ได้รับยาไปเรียบร้อยแล้ว ผลที่เกิดต่อมาคือตัวกล้ามเนื้อที่อักเสบเรื้อรัง ลีบ ไม่มีแรง การรักษาจึงต้องทำให้เอ็นอักเสบดีขึ้นก่อน และในระยะยาวก็ต้องเน้นออกกำลังเพื่อให้กล้ามเนื้อเข่าแข็งแรง ยืดหยุ่นได้ดีขึ้น และหายสนิท โดยใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ถึง 2 เดือน
สิ่งที่หมออยากบอกคือเมื่อปวดเข่าอย่าคิดว่าเป็นข้อเข่าอักเสบอย่างเดียวเท่านั้น อาจเป็นที่ส่วนอื่นๆรอบข้อเข่า ซึ่งคนปวดเข่ามีส่วนน้อยเท่านั้นที่ต้องการการผ่าตัด ส่วนใหญ่หายจากอย่างอื่นคือการรับประทานยาและการออกกำลังกายเพื่อให้เข่าแข็งแรง
ทั้งนี้การออกกำลังกายเพื่อความยืดหยุ่นและแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าได้อยู่ในการออกกำลังกายแบบผสมผสานในบทสุดท้าย